วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

เอสเซียงเจ็บไม่หนัก

มิคาแอล เอสเซียงมิดฟิลด์ร่างถึกของเชลซีทำเอาสาวกสิงห์บลูส์โล่งไม่น้อยเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงอย่างที่คิดและน่าจะพร้อมลงดวลกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สในเกมสุดสัปดาห์นี้

โดยหลังจากที่เอสเซียงเข้ารับการสแกนที่บริเวณหัวเขาก็พบว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นไม่ร้ายแรงแต่อย่างใด

"มิเชลมีปัญหานิดหน่อยกับข้อเอ็นบริเวณเหนือหัวเข่าระหว่างเกมกับเวสต์แฮมและต้องถูกเปลี่ยนออกด้วยความระมัดระวัง" ประกาศจากเว็บไซต์สโมสร

"การสแกนแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้มีประเด็นอะไรมากมายกับตรงนั้น"

"เราจะดูเขาต่อไปในสัปดาห์หน้าเพื่อการพิจารณาว่าเขาจะพร้อมสำหรับสุดสัปดาห์นี้หรือไม่"

แหล่งที่มา
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=422429&sid=b63ab14328658cc4174feba1eb263367

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ลิกด่ากู!ตอร์เรสลุยฝนปลดล็อก"สาก"เชลซีกระฉูด 3-0

เฟร์นานโด ตอร์เรสยุติชีวิต ณ ห้องครัวในฐานะสากกะเบืออย่างเป็นทางการแล้วหลังลงมาท้ายเกมยิงประตูย้ำชัย ให้เชลซีเอาชนะเวสต์แฮม 3-0 ลบฝันร้ายไร้สกอร์ไว้ที่ 14 นัด 730 นาทีพร้อมขยับไล่แมนฯยูไนเต็ดเหลือ 6 แต้มเท่าเดิม

พรีเมียร์ ลีก

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554


เชลซี 3 : 0 เวสต์แฮม

ประตู :
1-0 แฟรงค์ แลมพาร์ด น.44,2-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส น.84,3-0 ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.90+3

เกมนี้เป็นการพบกันระหว่างสองทีมที่มีเป้าหมายแตกต่างกันอย่างชัดเจน เชลซีนั้นต้องการสามแต้มเพื่อไล่จี้ตามแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจ่าฝูงให้เหลือ 6 คะแนนเท่าเดิม ส่วนเวสต์แฮมต้องการแต้มตุนเอาไว้เพื่อหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้ให้จงได้

คาร์โล อันเชล็อตติเลือกใช้ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาในแดนหน้าโดยมีซาโลมอง กาลูและฟลอร็องต์ มาลูด้าขนาบข้าง ผิดกับข่าวที่ออกมาตอนแรกว่าอาจจะส่งเฟร์นานโด ตอร์เรสลงเป็นตัวจริง

สภาพอากาศวันนี้สุดโหดไปเลยเพราะฝนลงเม็ดค่อนข้างแรงและหนักพอดู คงต้องดูว่าจะส่งผลกับเกมของทั้งสองทีมหรือไม่

และสุดท้ายเป็นที่รู้กันว่าก่อนเกมเวย์น บริดจ์และจอห์น เทอร์รี่ก็ไม่ได้จับมือกันแต่อย่างใด งานนี้คงไม่มีวันญาติดีกันแน่ๆ

ครึ่งแรก

มาลูด้าพลาดโอกาสโคตรทองคำ
เล่นมาแค่ 2 นาที เชลซีเกือบจะได้ประตูนำเร็วแบบนัดก่อนอีกแล้ว จากจังหวะที่มาลูด้าวิ่งทะลุเข้าไปดวลเดี่ยวกับทางกรียนได้แล้ว แต่ปีกโมฮ็อกตัดสินใจไม่ดีแปไปติดบล็อกของกรีนที่พุ่งออกมา ทำให้อันเชล็อตติที่ยืนลุ้นอยู่ถึงกับหงุดหงิดเลยทีเดียวว่าทำไมถึงยิงไม่ เข้า

สิงห์มาวันเวย์
ผ่านช่วง 15 นาทีแรกไป เห้นแต่เสื้อสีน้ำเงินของเชลซีถ่ายบอลกันไปมา โดยที่เวสต์แฮมต้องเน้นไปที่เกมรับแพ็คให้เน้นแล้วพยายามโต้อย่างเดียว ซึ่งเชลซีเองแม้จะได้ครองบอลเยอะ แต่จังหวะยิงก็ไม่ได้จะแจ้งอะไรมาก เว้นแต่จังหวะหลุดเดี่ยวในตอนแรกของมาลูด้าเท่านั้น

สวนทีค้อนก็ได้เสียวนะตัวเธอ
นาทีที่ 23 แม้ว่าจะไม่ค่อยได้มีโอกาสอะไรมากนัก เพราะโดนทางเชลซีบุกกดดันอยู่ซะเยอะ แต่พอเวสต์แฮมได้สวนก็ลุ้นเสียวเหมือนกัน จากจังหวะที่เด็มบา บาจัดการตะบันนอกกรอบเขตโทษ แม้ว่าจะไกลแต่บอลพุ่งแรงแถมตรงกรอบ ทำให้เช็กต้องผวาปัดบอลเหินข้ามคานออกไป

เกือบโคตร!เช็กอย่างเซฟ
อีก 3 นาทีต่อมา เวสต์แฮมน่าจะได้ประตูขึ้นนำสุดๆ จากจังหวะที่เซียส์ตะลุยขึ้นไปทางริมเส้น ก่อนที่จะโยนบอลยาวไปเสาสองให้กับสเป็คเตอร์ที่สอดขึ้นมาแบบไม่ให้ใครรู้ พุ่งตัวลงโหม่งบอลกำลังจะเสียบเสาแรก แต่เช็กยังไวสุดๆล้มตัวปัดทิ้งไปได้ทัน

อีกดอก!ค้อนได้ลุ้นอีกเฉย
นาทีที่ 31 แม้ว่าจะบุกได้น้อยกว่าทางเชลซีมาก แต่เวสต์แฮมกลับมีจังหวะเสียวให้ได้ลุ้นเฉย จากลูกเปิดเตะมุมที่บอลเลยไปเสาสองแล้วเซียร์สหมุนตัวดีดลูกส้นบอลกำลังจะ ข้ามเส้นแล้ว แต่ก็เป็นเช็กเจ้าเก่าคนเดิมที่ล้มตัวลงปัดได้เฉียดฉิว หรือว่าเกมนี้อาจจะมีการพลิกล็อกเกิดขึ้นซะแล้ว

สิงห์เหมือนกดดันเอง
เล่นไปเล่นมาเหมือนกับว่าตอนนี้เชลซีจะติดๆขัดๆกันไปเอง เพราะพวกเขาได้ครองบอลบุกเยอะก็จริง แต่จังหวะจบนั้นไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่ากับทางเวสต์แฮมที่หาได้แต่โอกาสสวน กลับเท่านั้น

ลูอิซน็อกกลางอากาศแต่ยังแกร่ง
นาทีที่ 41 ลูอิซถึงกับน็อกกลางอากาศไปเลย จากจังหวะที่เข้าปะทะกันเองกับเช็กที่จะพุ่งออกมาชกบอลแต่ท่อนแขนไปฟาดเอา หัวของลูอิซหงายตึงลงพื้น แต่สักพักเจ้าตัวก็ลุกขึ้นมาเล่นต่อได้ แข็งแกร่งจริงๆ

เต็มตีนของจริง!แลมพาร์ดทะลวงไส้หาย
อีก 3 นาทีต่อมา ในที่สุดเชลซีก็พังประตูเวสต์แฮมได้เสียทีหลังจากพยายามอยู่นาน จากจังหวะที่ดร็อกบาจ่ายทะลุช่องให้กับโคลควบไปจ่ายย้อนตัดกลับไปให้แลมพาร์ ดที่สอดขึ้นมากลางกรอบเขตโทษ ยิงด้วยขวาแบบเต็มตีนเสียจริงๆ บอลพุ่งผ่านมือของกรีนที่ยื่นให้ตายก็รับไม่ทันเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ตอนนี้เชลซีขึ้นนำได้แล้ว 1-0

จบ 45 นาทีแรก แม้ว่าจะเกือบโดนเวสต์แฮมส่องไปหลายดอก แต่เชลซีก็เข้าไปพักครึ่งด้วยสกอร์นำ 1-0 ได้สำเร็จ

ครึ่งหลัง

อูย!กาลูแปไม่ดี
นาทีที่ 51 เชลซีน่าจะได้ลุ้นประตูนำห่างจริงๆ จากจังหวะที่ดร็อกบาหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่จะโยนยาวไปอีกฟากให้กับมาลูด้าที่แปบอลย้อนกลับให้กาลูตั้งป้อมยืนแป เน้นๆ แต่กลับยิงหลุดเสาออกไปซะนี่ น่าเสียดายแท้

สนามเจิงน้ำน่าดู
สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์วันนี้ถึงกับระบายน้ำจากฝนที่กระหน่ำตกลงมาไม่ไหว ทำให้ในบางจุดมีน้ำขังและอาจจะทำให้จังหวะบอลเพี้ยนไปได้บ้าง นักเตะในสนามเองต้องพยายามระวังให้ดี

เอสเซียงไม่ไหวต้องส่งยูนลงแทน
นาทีที่ 57 เชลซีต้องเปลี่ยนเอาเอสเซียงที่มีอาการบาดเจ็บที่เข่าออกไปและส่งเบนายูนลง มาปะทะกับต้นสังกัดเก่าของเขา ซึ่งน่าจะขยับให้โอบี มิเกลไปเล่นในตำแหน่งของเอสเซียงแทน

ค้อนขอสู้ส่งคีนแทนโนเบิ้ล
งานนี้เวสต์แฮมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อีก 2 นาทีต่อมา ส่งคีนลงไปเล่นแทนโนเบิ้ลเพื่อเพิ่มความคมในแดนหน้าให้มากขึ้นไปอีก

หลังค้อนชักจะหลวมๆ
ตอนนี้กองหลังของเวสต์แฮมดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีสมาธิกันสักเท่าไร ปล่อยให้แลมพาร์ดหลุดเข้าไปทียังดีที่จังหวะไม่ตรงและอีกครั้งที่สกัดกันไม่ ขาดทำให้มาลูด้ามีโอกาสได้ซัดเหน่งๆทางเสาแรก ยังดีที่ยิงแป้กๆออกไปเพราะฝืนอัดด้วยเท้าขวาข้างไม่ถนัด

แลกกันคนละหมัดหนักๆ!
นาทีที่ 68 จังหวะนี้แลกกันให้ได้ลุ้นหนักๆไปข้างเลย เริ่มจากเชลซีก่อนที่ได้เสียวสุดๆจากลูกยิงนอกกรอบเขตโทษของลูอิซที่ตะบันบอ ละุ่งโค้งโด่งแล้วฮุคปลายเหมือนจะเสียบใต้คานชนิดที่กรีนได้แต่ทำใจแล้ว แต่บอลก็ไปชนคานเข้าอย่างจัง

เวสต์แฮมเลยจัดการสวนขึ้นไปเหมือนเดมบา บาจะไม่ยอมขออัดจากนอกกรอบเขตโทษบ้าง บอลแรงได้ใจส่ายนิดๆจนทำให้เช็กต้องผวาทุบออกมา แม้คีนจะตามเก็บตกแล้วได้ยิงแต่ก็ตรงตัวเช็กไปอีก

คีนพลาดได้ยังไง!
นาทีที่ 74 คีนพลาดโอกาสทองที่หาได้ไม่มากเลยสำหรับการเจอกับเชลซี เมื่อสเป็คเตอร์จ่ายบอลทะลุช่องให้เขาควบผ่านช่องโหว่ของแนวรับเชลซีเข้าไป ตะบันจังหวะแรกในกรอบเขตโทษคนเดียว แต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ เจ้าตัวถึงกับเซ็งตัวเองเลยทีเดียว

เขามาแล้ว!ตอร์เรสลงสนาม
อีก 2 นาทีต่อมา เชลซีเปลี่ยนเอาตอร์เรสที่กำลังลุ้นทำประตูให้ได้อยู่ลงสนามไปแทนดร็อกบา ต้องมาดูกันว่าตอร์เรสจะสามารถทำประตูที่เขาหวังเอาไว้ได้หรือไม่ในเกมนี้

แก็บบิดอนช่วยชีวิตค้อน
นาทีที่ 79 อเนลก้าน่าจะทำประตูเรียกความมั่นใจของเขาเองกลับคืนมาได้พร้อมฝังเวสต์แฮม จริงๆ จากจังหวะที่ตอร์เรสล้มตัวจ่ายบอลถวายพานไปให้กับเขาทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ยืนยิงโล่งๆคนเดียว บอลพุ่งผ่านกรีนมุ่งหน้าหาประตูแน่แล้ว แต่เป็นแก็บบิดอนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนโหม่งสกัดไว้อย่างแม่นยำสุดๆ เซฟโคตร

ฝันที่เป็นจริง!ตอร์เรสพังประตูแล้วโว้ยยยยยย
นาทีที่ 84 เป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลเชลซีและตอร์เรสเองต้องจดจำไปอีกนาน เพราะเขาปลดล็อกทำพังประตูให้กับเชลซีได้สำเร็จ จากจังหวะที่อเนลก้าจ่ายบอลลอดขาให้เขาวิ่งทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ แม้ว่าจังหวะแรกจะผิดไปนิด แต่ก็ยังกลับตัวยิงผ่านกองหลังของมือของกรีนเข้าไปเสียบเสาอย่างสวยงาม เจ้าตัววิ่งแหกปากดีใจจนไม่ต้องบรรยายถึงความรู้สึก เชลซีทิ้งห่าง 2-0 แล้ว

สุดตีนฮ่ะ!มาลูด้ายิงสนั่น
ช่วงทดเวลานาทีที่ 3 เป็นมาลูด้าที่มาซัดตอกฝาโลง จากจังหวะที่ตอร์เรสจ่ายกั๊กๆแต่บอลไปเข้าทางวิ่งมาตะบันด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งแหวกอากาศแทบจะทะลุผ่านมือของกรีนเข้าไปเสียบตาข่าย เชลซีถล่มแหลก 3-0 ตุนประตูได้เสียไว้เพียบ

จบเกมเป็นเชลซีที่สามารถเก็บชัยชนะเหนือเวสต์แอมไปได้ 3-0 ขยับคะแนนไล่จี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็น 6 คะแนนเท่าเดิม เพราะรอยยิ้มบนใบหน้าของเฟร์นานโด ตอร์เรสที่ปลดล็อกทำประตูแรกให้กับสโมสรได้เสียที


แหล่งที่มา
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=420915

แฉ!อันเช่ดอดคุยโรมันสองรอบหวังคุมทีมต่อ



"นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" แฉ คาร์โล อันเชล็อตติ ดิ้นเฮือกใหญ่ หวังได้โอกาสคุม เชลซี ต่อไป โดยตอนนี้ได้คุยกับ โรมัน อบราโมวิช ถึงสองรอบ พยายามโน้มน้าวขอเวลาทำทีม มั่นใจจะเอาถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก มาฝากให้ได้แน่นอน แต่วงในสโมสรคาด โอกาสโดนเด้งยังมีสูง

        "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" แท็บลอยด์เล่มดังเมืองผู้ดี รายงานข่าว คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียน ของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อน ได้เข้าพบ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย ถึง 2 ครั้ง 2 ครา โดยเนื้อหาสาระของการพูดคุยคือ อ้อนขอโอกาสจากท่านประธาน ให้เวลาเขาทำงานนานขึ้นอีกสักหน่อย รับรองว่าจะเอาถ้วยยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มามอบให้ได้อย่างแน่นอน

        หลัง จาก โชเซ่ มูรินโญ่ เสกแชมป์ลีกให้ เชลซี ได้สำเร็จ อบราโมวิช ก็หมายมั่นปั้นมืออยากได้แชมป์ยุโรปบ้าง ซึ่งใกล้เคียงที่สุดในปี 2008 ที่แพ้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงฯ ที่ มอสโก  ส่วนปีนี้พวกเขาจอดป้ายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยน้ำมือ "ปีศาจแดง" และด้วยการที่โอกาสคว้าแชมป์ลีกก็ต้องรอให้ ยูไนเต็ด พลาดท่าเสียก่อน เลยมีข่าวว่า อันเชล็อตติ อาจโดนเด้งก็เป็นไปได้

        ล่าสุดมี ข่าวว่า "คาร์เล็ตโต้" ได้เข้าพบ อบราโมวิช เพื่อขอโอกาส และเวลาในการสร้างทีมเพื่อเป้าหมายสูงสุด คือถ้วยบิ๊กเอียร์ ซึ่ง อันเชล็อตติ ยืนยันแล้วว่า เขาต้องการลุยกับทีมต่อไป โดยเขาได้พบ อบราโมวิช หลังทีมแพ้ ยูไนเต็ด ตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก วันที่ 12 เม.ย. จากนั้นก็ได้พบกับเจ้านายใหญ่อีกหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ อันเชล็อตติ ยังได้ติดต่อกับ อบราโมวิช ผ่านการส่งข้อความมือถือด้วย

        แหล่ง ข่าวใกล้ชิดกุนซือชาวอิตาลี ระบุว่า "เขาได้พบกับ อบราโมวิช สองครั้ง แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลจะออกมายังไง เขาบอก อบราโมวิช ไปแล้วว่าเขาอยากอยู่ต่อในระหว่างการประชุมทั่วไปเกี่ยวกับแนวทางการเล่นของ ทีม คาร์โล มีความมั่นใจว่า เขาสามารถนำถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก มาให้ โรมัน ได้ แต่ขณะเดียวกัน เพื่อทำให้ได้แบบนั้นเขาก็ต้องการได้รับการสนับสนุนจากสโมสรอย่างเต็มที่"

        อย่าง ไรก็ตาม แม้ส่งเสียงขอเวลาทำงาน แต่แหล่งข่าวสโมสรยังเชื่อว่า มีโอกาสสูงที่ คาร์เล็ตโต้ จะตกงานซัมเมอร์นี้ โดย กุส ฮิดดิ้งค์ โค้ชทีมชาติตุรกี เป็นเต็งหนึ่ง ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน เหตุเพราะ อบราโมวิช ไม่เชื่อมั่นในตัว อันเชล็อตติ เท่าไหร่ว่าสามารถนำแชมป์ยุโรปมาประดับตู้โชว์ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ เพราะปีที่แล้ว เชลซี ก็โดนทีเด็ด อินเตอร์ มิลาน ของ มูรินโญ่ สอนเชิงมาแล้ว

แหล่งที่มา
http://www.soccersuck.com/ss/p_oldnews.php?page=1

ตอร์เรสปลื้มสุดขีดซัดประตูแรกให้สิงห์



ในที่สุด เฟร์นานโด ตอร์เรส ศูนย์หน้าค่าตัวแพง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ก็ทำประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่ได้ ในเกมยำใหญ่ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปได้อย่างสวยงาม 3-0 เจ้าตัวมั่นใจจะยิงได้อีกเรื่อยๆ แน่นอน


        เฟร์นานโด ตอร์เรส
กองหน้าทีมชาติสเปนของ เชลซี สโมสรชั้นนำแห่งวงการลูกหนังเมืองผู้ดี ออกอาการดีใจแบบสุดขีด ที่ทำประตูแรกในชุด "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้สำเร็จ ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่เอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปได้อย่างขาดลอย 3-0 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่คลำเป้าไม่เจอเลยในการลงสนามไปแล้ว 13 นัด หรือ 901 นาที ทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร

        ตอร์เรส ซึ่งถูกส่งลงสนามแทน ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ในนาทีที่ 76 ก่อนที่จะยิงประตู 2-0 ในนาทีที่ 84 ของเกมดังกล่าว กล่าวว่า "มันไม่ใช่จุดเริ่มต้นอย่างที่ผมคาดหวังเอาไว้ เมื่อตอนที่ผมเซ็นสัญญา แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะย้ายทีมในเดือนมกราคม หรือกุมภาพันธ์ ผมยังคงทำงานหนัก และต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่ช่วยให้ผมยิงได้ซะที แรงกดดันสำหรับผมลดลงไปแล้ว และตอนนี้ผมก็แฮปปี้ดีพร้อมไปเลยจริงๆ สภาพสนามวันนี้ไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการทำประตูเท่าไหร่ แต่ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ" 

        "เหล่าบรรดาแฟนบอลอดทนกับผมมากๆ ผมกระวนกระวายใจกับพวกเขามากกว่าตัวผมเองด้วยซ้ำไป ผมหวังว่า นี่จะเป็นประตูแรกของอีกจำนวนมากมายที่จะหลั่งไหลตามมาอีกในอนาคต" อดีตดาวยิง "หงส์แดง" ที่ประเดิมประตูแรกได้สำเร็จ หลังลงเตะให้ "สิงห์บลูส์" 732 นาที นับตั้งแต่ย้ายสังกัดมาจาก ลิเวอร์พูล เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา กล่าวในที่สุด

        ด้าน คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีม เชลซี เชื่อว่า ประตูนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับดาวยิงเลือดกระทิงรายนี้ในอนาคตอย่าง แน่นอน โดยชี้ว่า "มันสมบูรณ์แบบจริงๆ ทุกคนเฝ้ารอ เฟร์นานโด (ตอร์เรส) ทำประตู แล้วเขาก็ทำได้แล้ว"

        "สำหรับเขาแล้ว วันนี้ถือเป็นชีวิตใหม่ของเขา ผมคิดว่านับจากวันนี้ไป เขาจะมีอนาคตที่มหัศจรรย์กับสโมสร ปัญหาใหญ่ก็คือ เขาย้ายมาสู่ทีมใหม่ของเขา และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยในการสร้างความสัมพันธ์และเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ แต่ในขณะนี้ทุกอย่างได้คลี่คลายลงไปแล้ว" กุนซือชาวอิตาเลียน กล่าวทิ้งท้าย

แหล่งที่มา
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=420977

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

Note: ธงชาติที่ปรากฎบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะบางผู้เล่นอาจถือสองสัญชาติ
หมายเลข
ตำแหน่งผู้เล่น
1Flag of the Czech RepublicGKปีเตอร์ เช็ก
2ธงชาติของเซอร์เบียDFบรานิสลาฟ อิวาโนวิช
3ธงชาติของอังกฤษDFแอชลี่ย์ โคล
4ธงชาติของบราซิลDFดาวิด ลูอิซ
5ธงชาติของกานาMFมิคาเอล เอสเชียง
7ธงชาติของบราซิลMFรามิเรส
8ธงชาติของอังกฤษMFแฟรงค์ แลมพาร์ด (รองกัปตันทีม)
9ธงชาติของสเปนFWเฟร์นานโด ตอร์เรส
10ธงชาติของอิสราเอลMFยอสซี่ เบนายูน
11ธงชาติของโกตดิวัวร์FWดิดิเยร์ ดร็อกบา
12ธงชาติของไนจีเรียMFจอห์น โอบี มิเกล
15ธงชาติของฝรั่งเศสMFฟลอรองต์ มาลูด้า
17ธงชาติของโปรตุเกสDFโจเซ่ โบซิงวา
18ธงชาติของรัสเซียMFยูริ เซอร์คอฟ
19ธงชาติของโปรตุเกสDFเปาโล แฟร์ราร่า

หมายเลข
ตำแหน่งผู้เล่น
21ธงชาติของโกตดิวัวร์FWซาโลมง กาลู
22ธงชาติของอังกฤษGKรอส เทิร์นบูล
23ธงชาติของอังกฤษFWดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
26ธงชาติของอังกฤษDFจอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม)
33ธงชาติของบราซิลDFอเล็กซ์
39ธงชาติของฝรั่งเศสFWนิโกล่าส์ อเนลก้า
40ธงชาติของโปรตุเกสGKเฮนริเก้ ฮิลาริโอ
43Flag of the NetherlandsDFเจฟฟรี่ย์ บรูม่า
44ธงชาติของฝรั่งเศสFWกาเอล กาคูต้า
45ธงชาติของอิตาลีFWฟาบิโอ บอรินี่
46ธงชาติของอังกฤษMFจอร์ช แม็คอีชแรน

แหล่งที่มา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B5

ประวัติสโมสรเชลซี


สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55
ปี 1996 แต่งตั้ง รุด กุลลิท(Ruud Gullit) เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้
ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่( Gianluca Vialli) โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าถึงรอบรอง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้รีล มายอร์ก้าในปีนั้นทีมที่ได้แชมป์คือ ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"
ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี(Claudio Ranieri) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ
มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ.2003) โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์(Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่ง เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อย ล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho)เป็นผู้จัดการทีมต่อมา
ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง
ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร
ปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน
20 กันยายน พ.ศ. 2550 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 [1] และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant)
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton)1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ทำได้ 87 แต้ม
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 10-9 ประตู
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 1-1 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็น ผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี และกุส ฮิดดิ้งค์ นี้พาเชลชี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในนัดชิงชนะเลิศ
1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
ปี พ.ศ. 2553 ได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 4
ปี พ.ศ. 2553 คว้า ดับเบิ้ลแชมป์ เป็นครั้งแรก ของสโมสร โดยคว้า แชมป์ พรีเมียร์ลีก และ FA-CUP

เกียรติประวัติสโมสร ( เชลซี )

แชมป์พรีเมียร์ชิพ : 2004-05, 2005-06
แชมป์ดิวิชั่น 1 (เดิม) : 1954-55
แชมป์ดิวิชั่น 2 (เดิม) : 1983-84, 1988-89
แชมป์เอฟเอ คัพ : 1970, 1997, 2000, 2007
แชมป์ลีก คัพ : 1965, 1998, 2005 ,2007
แชมป์แชริตี้ ชิลด์ : 1955, 2000, 2005
แชมป์ฟูลล์ เมมเบอร์ส คัพ : 1986
แชมป์เซนิธ ดาต้า ชิสเต็มส์ คัพ : 1990
แชมป์วินเนอร์ส คัพ : 1970-71, 1997-98





แหล่งที่มา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B5